จริงๆแล้วยังมีบอร์ดแดคอื่นๆที่ได้ทดลองมาอีกเยอะหลายๆเบอร์ แต่รื้อทิ้งไปซะมากแล้วเหมือนกัน
ผมเชื่อว่าถ้าใครได้อ่านที่ผมเขียนเล่ามาก็คงมีคำถามในใจว่า แดคMultibit VS DeltaSigma อย่างไหนดีกว่ากัน? อันนี้ตอบยาก ขอตอบด้วยความเห็นส่นตัวจริงๆว่า สำหรับผมแล้ว ผมไม่แคร์เรื่องจำนวนบิทที่เพิ่มขึ้นในทุกๆห้าปีของDeltaSigma แดคสักเท่าไหร่ ผมให้ความสำคัญกับประเด็นที่แดคจะทำงานได้THDต่ำที่สุดเสียมากกว่า ดังนั้นต่อให้บิทเพิ่มขึ้นเรื่อย หรือความถี่แซมปลิ้งสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ในทางปฏิบัติ ผมคิดว่าเอนจิเนียร์ผู้ออกแบบ เค้าก็บอกเป็นนัยยะอยู่แล้วว่า ที่สเป็คสูงสุดของแดคเบอร์ใหม่ๆนั้น THD มันไม่ได้ต่ำสุดสักหน่อย ส่วนใหญ่แล้วก้ต้องเลือกที่จะ config ในค่ากลางๆถึงจะไ้เสียงดีน่าฟัง
สำหรับจำนวนบิท 16bitนั้น ซึ่งเป็นมาตรฐานเก่าแก่แต่เดิมนั้น มือโปรฯเค้าบอกว่า มันเพียงพอแล้วสำหรับ Hi-Fi แต่ทุกวันนี้เรากำลังเข้าสู่ยุค High Resolution มันละเอียดขึ้นมากกว่าเดิมตั้งแต่กระบวนการบันทึกเสียงตลอดจนการเพลย์แบ็ค มันละเอียดขึ้นจริงๆ แต่บางทีผมก็อดสงสัยไม่ได้อย่าง แดค TDA1541A S2(double crown) ถึงแม้จะเป็น16bit แต่เสียงมันละเอียดมากมายจริงๆ หรือแดคอย่าง PCM63P ก็ให้เสียงละเอียดพอสำหรับหูผมก็แล้วกัน
ถ้าถามว่าแดคเบอร์อะไรดีที่สุด ผมไม่รู้หรอก เพราะผมไม่ได้ทดลองแดคทุกเบอร์ที่มีในตลาด
แต่ถ้าถามว่าผมอยากได้แดคเบอร์อะไรมากที่สุด ผมมีคำตอบ ผมอยากทำแดค PCM63P(L,K) made in JAPAN สัก4ตัว ต่อแชนแนล ทำแบบ non-oversampling แล้วก็ลืมแดคเบอร์อื่นๆไปให้หมด แต่ทุกวันนี้แดคที่ทำในญี่ปุ่นนั้นหาแทบไม่มีแล้ว พวกดีไอวายในฮ๋องกงกวาดซะเรียบ
แดคเบอร์อื่นๆที่เจ๋งมากก็อย่าง TDA1541A S2(Taiwan) เสียงต่างออกไปจาก TDA1541A S1(Netherland) พอสมควร 2มงกุฏจะให้เสียงที่ฟังดูทันสมัยกว่า แต่เนียนมากมาย ถ้าใครชอบแนวฟิลลิปส์เดิมๆ หนึ่งมงกุฏก็ดีมากแล้ว
นอกจากนี้ก็มี AD1865N-K เป็นเวอร์ชั่นสเตอริโอ แล้วก็มีที่ดีกว่าอย่าง AD1862 เป็นเวอร์ชั่นโมโน ใช่แล้ว ถ้าเป็นโมโนแล้ว crosstalk ระหว่างแชนแนลก็ต้องน้อยกว่าเป็นธรรมดา แต่เรื่องเสียงไม่ต่างกัน อันนี้ไม่ได้ทดลองเอง เค้าว่าเสียงไม่ต่างกันเลย แม้กระทั่งแดครุ่นหลังๆมาอย่าง AD1853 ก็ให้เสียงคล้ายๆกันแบบนี้แหละ
เรื่องการทดลองแดคที่นำกลับมาเล่ารื้อฟื้นความทรงจำก็คงจบลงเพียงเท่านี้ ไว้โอกาสหน้ามีอะไรใหม่ๆมานำเสนอ ก็คอยติดตามอ่านกันต่อไปครับ
